Breaking News

มะขามแดงสยาม

มะขามแดงสยาม

     เป็นชื่อสายพันธุ์มะขามเปรี้ยวที่ให้เนื้อเป็นสีแดง แตกต่างจากมะขามเปรี้ยวที่เห็นโดยทั่วไป โดยทางสวนดวงจินดา ได้นำมาคัดเลือกสายพันธ์จากต้นแม่พันธุ์ในประเทศที่มีลักษณะเด่นในแง่ของการให้ผลดก





   สำหรับความเป็นมาของมะขามเปรี้ยวเนื้อสีแดงนี้ สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากการกลายพันธุ์ แต่ไม่ทราบที่มาจากเป็นการกลายจากเมล็ดธรรมชาติหรือการผสมเกสร เมื่อไปพบต้นพันธุ์ จึงได้นำมาทดลองปลูก และดำเนินการคัดสายพันธุ์ จนได้พันธุ์ที่มีความนิ่ง ให้ผลผลิตสูง และตั้งชื่อว่าให้ว่า มะขามแดงสยาม

     สำหรับลักษณะของมะขามแดงสยามนั้น นายวิรังโก กล่าวว่า ใบ ลำต้น ลักษณะฝัก มีลักษณะเหมือนกับมะขามเปรี้ยวโดยทั่วไปทุกประการ จะแตกต่างเฉพาะในช่วงที่ยังเป็นฝักดิบ จะให้เนื้อด้านในเป็นสีแดงอมชมพู จนกระทั่งฝักแก่ เนื้อในฝักจะมีลักษณะสุกเหมือนมะขามเปรี้ยวทั่วไป





    ลักษณะการให้ผลผลิต ทางสวนดวงจินดาบอกว่า ปีแรกของการออกปลูกจะเริ่มติดดอก แต่จะเริ่มเก็บผลผลิตในปีที่ 2 โดยปริมาณผลผลิตมากน้อยตามอายุและความสมบูรณ์ของต้น ปกติต้นมะขามที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไปและมีการจัดการดูแลดี จะเก็บผลผลิตได้ประมาณ 50 – 60 กิโลกรัมต่อต้น การติดของฝักจะมีตลอดทั้งปี ฝักจะจะมีขนาดใหญ่ ให้เนื้อหนา ตามปกติฝักจะสุกในช่วงฤดูหนาว สามารถปลูกได้ในทุกสภาพพื้นที่ และชอบแสงแดด

- การขยายพันธุ์ โดยการทาบกิ่ง

- การใช้ประโยชน์ ฝักอ่อนเนื้อสีแดง ใช้ปรุงอาหารได้อร่อย อีกทั้งยังนำไปตากแห้ง บดให้เป็นผงชงทานรับประทานได้ ส่วน ใบอ่อน ดอก รสเปรี้ยว ใส่ต้มยำ ต้มโคล้ง ฝักแก่ ใช้ทำเป็นมะขามเปียก

     สำหรับสายพันธุ์มะขามแดงสยาม ดังกล่าวนอกจากจะจำหน่ายต้นพันธุ์ให้กับเกษตรกรที่สนใจทั่วไปแล้ว ขณะนี้ทางสวนดวงจินดาได้มีการต่อยอดในการสร้างมูลค่าให้กับมะขามแดงสยามด้วยการนำฝักอ่อนมาแปรรูปเป็นน้ำมะขาม ซึ่งให้ลักษณะสีของน้ำเป็นสีแดง สวยงามน่ารับประทาน จำหน่าย ซึ่งจากการทดลองทำตลาดเบื้องต้น พบว่า ผู้บริโภคให้ความสนใจและตอบรับเป็นอย่างดี


-----------------------------
*** มะขาม ***

- ชื่อวิทยาศาสตร์Tamarindus indica Linn.
- ชื่อวงศ์Leguminosae
- ชื่อท้องถิ่น ... ภาคกลาง เรียก มะขามไทย ... ภาคใต้ เรียก ขาม ... นครราชสีมา เรียก ตะลูบ ... กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี เรียก ม่วงโคล้ง ... เขมร-สุรินทร์ เรียก อำเปียล

   ลักษณะทั่วไป มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้ำตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่ ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ดอก ออกเป็น ช่อเล็กๆ ตามปลายกิ่ง หนึ่งช่อมี 10-15 ดอก ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดงอยู่กลางดอก ผล เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้ำตาล เนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และหวาน
- การปลูก มะขามขึ้นได้กับดินทุกชนิด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนในดินเหนียวทนแล้งได้ดี เหมาะที่จะปลูกในฤดูฝน ใช้กิ่งพันธุ์ปลูกโดยการขุดหลุมและใส่ปุ๋ยที่ก้นหลุมก่อน ดูแลรักษาเหมือนกับพืชโดยทั่วไป นิยมขยายพันธุ์โดยการทาบกิ่ง ติดตาหรือต่อกิ่ง เพราะได้ผลเร็วและไม่ทำให้กลายพันธุ์
- สรรพคุณทางยา ยาระบาย
  1. แก้อาการท้องผูก ใช้มะขามเปียกรสเปรี้ยว 10–20 ฝัก (หนัก 70–150 กรัม) จิ้มเกลือรับประทาน แล้วดื่มน้ำตามมากๆ หรือต้มน้ำใส่เกลือเล็กน้อยดื่มเป็นน้ำมะขาม
  2. ขับพยาธิไส้เดือน นำเอาเมล็ดแก่มาคั่ว แล้วกะเทาะเปลือกออก เอาเนื้อในเมล็ดไปแช่น้ำเกลือจนนุ่ม รับประทานครั้งละ 20-30 เม็ด
  3. ขับเสมหะ ใช้เนื้อในฝักแก่หรือมะขามเปียกจิ้มเกลือรับประทานพอสมควร
- คุณค่าทางโภชนาการ
  1. ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามินเอ มาก มะขามเปียกรสเปรี้ยว ทำให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝัก มะขามที่แก่จัด เรียกว่า มะขามเปียก ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์ริค กรดซิตริค เป็นต้น ทำให้ออกฤทธิ์ ระบายและลดความร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้ละลายได้ด้วย
    คติความเชื่อตามตำราพรหมชาติฉบับหลวง ถือว่ามะขามเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันตก (ประจิม) ของบ้าน เพื่อป้อง กันสิ่งไม่ดี ผีร้ายมิให้มากล้ำกลาย อีกทั้งต้นมะขามยังเป็นต้นไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนาม ถือกันเป็นเคล็ดว่าจะทำให้มีแต่คนเกรงขาม

ไม่มีความคิดเห็น